Pages

Tuesday, October 1, 2013

ไม่มีศพให้ฌาปนกิจ จะรับเงิน ฌาปนกิจสงเคราะห์ ได้หรือไม่?

การฌาปนกิจสงเคราะห์

การฌาปนกิจสงเคราะห์ (burial and cremation services) หมายความว่า
       "กิจการที่บุคคลหลายคนตกลงเข้ากัน เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของบุคคลใดที่ตกลงเข้ากันนั้น ซึ่งถึงแก่ความตาย และมิได้ประสงค์จะหากำไรเพื่อแบ่งปันกัน" (มาตรา 4 พระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545)

หากไม่มีศพ แล้วจะเรียกค่าจัดการศพจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ ได้หรือไม่

        นายมอเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งหนึ่ง ได้หายสาบสูญไปจากภูมิลำเนา
เป็นตายร้ายดีไม่อาจทราบได้ จนกระทั่งนางมี ภรรยาของนายมอไปยื่นคำร้องต่อศาลให้นายมอ สามีของตนเป็นคนสาบสูญ ศาลได้พิเคราะห์จากพยานหลักฐานทั้งปวงแล้ว มีคำสั่งให้นายมอเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61

ต่อมานางมี จึงได้มาร้องขอเงินช่วยเหลือจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่นายมอ สามีของตน
เป็นสมาชิกอยู่ เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์ มีไว้เพื่อการช่วยเหลือในการจัดการ
ศพ เมื่อไม่มีศพของนายมอแล้ว จะขอเงินช่วยเหลือจากสมาคมฯ ได้อย่างไร ซึ่งสุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันไม่ได้จนต้องนำเรื่องขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาล จึงเป็นที่มาของคำวินิจฉัยที่ว่า

ผลแห่งความตายเพราะสาบสูญ เป็นผลเช่นเดียวกับการตายธรรมดา 
คือ สิ้นสภาพบุคคล และเกิดผลตามมาในเรื่องทรัพย์สินที่เป็นทรัพย์มรดก
ตกได้แก่ทายาท รวมตลอดถึงสิทธิหน้าที่ความรับผิดที่ผู้ตายจะต้องได้รับ
นับแต่มีคำสั่งศาลแสดงว่าเป็นคนสาบสูญ......

เมื่อนายมอ ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญมีผลเท่ากับนายมอ
ถึงแก่ความตาย และเมื่อนายมอเป็นสมาชิกของจำเลย ย่อมมีสิทธิที่จะ
ได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัว
โดยนางมีซึ่งเป็นภรรยานายมอเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว
ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า หากไร้ซึ่งศพที่จะต้องจัดการแล้วจำเลยไม่อาจจ่าย
เงินค่าจัดการศพได้ นั้นรับฟังไม่ได้
ดังนั้น การเป็นคนสาบสูญตามคำสั่งศาล
เป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายเงินฌาปนกิจสงเคราะห์
(คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 5513/2552)

อนึ่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 62 บัญญัติว่า
“บุคคลซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ให้ถือว่าถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังที่ระบุไว้ในมาตรา 61”